967 จำนวนผู้เข้าชม
อาชีพมือปืนกับการเกษตรไทย……………………………………………………
มือปืน หรือ มือปืนรับจ้าง…เป็นฉายาที่ใช้เรียกเกษตรกร ที่มีอาชีพรับจ้างฉีดพ่นยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชพืช และสารต่างๆ ในนาข้าว สวนผลไม้ และอื่นๆ เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับคนบางกลุ่ม เพื่อนำมาจุนเจือครอบครัว อาชีพนี้โดยส่วนใหญ่จะพบได้จากเกษตรกรที่ไม่มีที่ทำกินเป็นของตัวเอง มีรายได้หลักจากการรับจ้างทั่วไป มีประสบการณ์ในการรับจ้างและทำอาชีพนี้มามากกว่า 10 ปี รวมกลุ่มกันทำงานเป็นทีม ทำการฉีดพ่นด้วยตนเอง อาชีพมือปืนรับจ้างนี้ สามารถพบได้ทุกภาค ในพื้นที่ที่มีการทำการเกษตรทั่วประเทศ
อาชีพมือปืนรับจ้างเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ??? เนื่องจากประเทศไทยมีการทำเกษตรแบบแปลงใหญ่ เจ้าของแปลงไม่สามารถฉีดพ่นสารในแปลงตนเองได้ทั้งหมด เพราะเสียทั้งเวลาและเสียสุขภาพ ด้วยเหตุนี้เจ้าของแปลงจึงได้มีการว่าจ้างให้เกษตรกรที่ทำอาชีพรับจ้างฉีดพ่นสาร มาฉีดในพื้นที่แปลงของตนเอง เราจึงเรียกอาชีพนี้ว่า มือปืนรับจ้าง ซึ่งราคาค่าจ้างก็ตามที่ตกลงกันในแต่ละพื้นที่ ซึ่งราคาเป็นที่พอใจกันทั้ง 2 ฝ่าย
อาชีพมือปืนรับจ้าง ถือว่ามีความสำคัญต่อการเกษตรของไทยค่อนข้างมาก เพราะ ถ้าไม่มีพวกเขา เราก็ไม่มีทางรู้เลยว่า จะมีผลผลิตทางการเกษตรออกมาสู่มือผู้บริโภคเพียงพอหรือไม่ เพราะผลผลิตอาจถูกทำลายจากโรคพืช และแมลงศัตรูพืช ที่เข้ามาสร้างความเสียหายในพื้นที่ทำการเกษตร ถ้าลำพังเจ้าของแปลงฉีดพ่นสารเอง คงจะไม่ทันเวลา และไม่สามารถควบคุมการระบาดได้คลอบคลุมพื้นที่แปลงทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม อาชีพมือปืนรับจ้างนั้น ถือเป็นอาชีพที่เสี่ยงอันตราย ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้มักจะตรวจพบสารพิษตกค้างในร่างกาย บางรายเป็นโรคเนื้อเน่า เพราะมือปืนรับจ้างส่วนใหญ่ ไม่รู้จักป้องกันตนอย่างถูกวิธี ใช้ยาฉีดพ่นเกินขนาดที่ฉลากแนะนำ กล่าวคือ ไม่อ่านฉลากให้เข้าใจก่อนใช้งาน ไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตัวให้มิดชิดขณะฉีดพ่น หลังจากเสร็จงานแล้วไม่ถอดเสื้อผ้าแยกซัก ไม่อาบน้ำชำระร่างกาย ให้สะอาด และไม่ทิ้งภาชนะบรรจุสารเคมีอย่างถูกวิธี เป็นต้น
แต่มือปืนรับจ้างเหล่านี้ ก็ได้สร้างผลกระทบทางลบให้กับการทำเกษตรเช่นกัน กล่าวคือ ทำให้ศัตรูพืชดื้อยาได้หากใช้สารซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือเกิดสารตกค้างในดิน แม่น้ำ ลำคลอง หากทิ้งภาชนะที่ใช้แล้วไม่เป็นที่ ฯลฯ เพราะพวกเขาอาจจะฉีดพ่นสารในปริมาณที่เกินกว่าที่ฉลากแนะนำ เพราะเขาคิดว่า ถ้าไม่ใช้สารในปริมาณมาก จะไม่สามารถป้องกันศัตรูพืชได้ อีกทั้งถ้าศัตรูพืชไม่ตายหรือเอาไม่อยู่แล้วนั้น พวกเขาก็ต้องได้กลับมาฉีดพ่นใหม่ ทำให้เสียเวลา และสูญเสียรายได้ที่จะไปรับจ้างฉีดแปลงอื่น
แล้วจะทำอย่างไรกันต่อไป เพื่อให้เกษตรกร หรือมือปืนรับจ้างมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ต้องเสี่ยงอยู่อย่างนี้ ถ้าจะแก้ที่สารเคมี ก็คงเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ เราคงต้องหาแนวทางแก้ปัญหากันทั้งระบบ เพราะผลกระทบเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับเกษตรกรอย่างเดียว เพราะสารเคมีตกค้างอยู่ในพืชผัก ในน้ำ นั่นหมายความว่า พืชผักที่ขายกันตามท้องตลาด คนกินก็ต้องได้รับเหมือนกัน
การแก้ปัญหาในเบื้องต้น ควรมีการรณรงค์ให้เกษตรกรและมือปืนรับจ้าง ใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างปลอดภัย เน้นให้ยึดหลักปฎิบัติที่ถูกต้อง คือ อ่านฉลากให้เข้าใจ สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตัวให้มิดชิดขณะทำการฉีดพ่น หลังจากเสร็จจากงานแล้ว ให้ถอดเสื้อผ้าแยกซัก อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด และทิ้งภาชนะบรรจุสารเคมีให้ถูกวิธี สำหรับฝั่งผู้บริโภค ก่อนที่จะรับประทานผักและผลไม้ ควรล้างทำความสะอาดให้ถูกวิธีตามคำแนะนำ
สิ่งที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้น เราก็ได้แต่หวังว่าเกษตรกรและมือปืน จะปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด นึกถึงส่วนร่วมให้มากขึ้น ไม่เห็นแก่ได้ในระยะสั้น ให้มองถึงผลประโยชน์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว และในปัจจุบันเริ่มมีโดรนเกษตรเข้ามาแล้ว มีเกษตรกรบางกลุ่ม เริ่มหันมาใช้โดรนพ่นยาแทนแรงงานคน เพราะโดรนสามารถทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าแรงงานคน ในอนาคตข้างหน้า เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเมื่อมีโดรนเกษตรเข้ามาแล้ว อาชีพมือปืนจะหายไปหรือไม่……………………………………..