หน้าแ... > ความร... > บทควา... > เพลี้... > เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล (Brown planthopper) ในข้าว 11505 จำนวนผู้เข้าชม ในปัจจุบันเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล (Brown planthopper: Nilaparvata lugens) เป็นแมลงศัตรูข้าวที่สำคัญอันดับหนึ่งของประเทศไทย การระบาดแมลงนี้ทำความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมให้กับต้นข้าว โดยทางตรงแมลงตัวแก่และตัวอ่อนจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นข้าว เมื่อแมลงจำนวนมากดูดกินน้ำเลี้ยงต้นข้าวทำจะทำให้ข้าวแสดงอาการใบเหลืองแห้งมีลักษณะคล้ายถูกน้ำร้อนลวก เรียกว่าอาการ “ hopper burn” ถ้ารุนแรงมากจะทำให้ข้าวแห้งตายทั้งกอ แต่ถ้าไม่รุนแรงมากในระยะต่อมาจะปรากฏความเสียหายทางอ้อม โดยเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเป็นพาหะของโรคไวรัสข้าว คือ โรคใบหงิก (rice ragged stunt) หรือที่ชาวนาเรียกว่าว่า “ โรคจู๋” เมื่อข้าวเป็นโรคจู๋จะทำให้ข้าวมีอาการเตี้ยแคระแกรน และไม่ออกรวง ถึงแม้ออกรวง รวงจะหดสั้น ใบธงจะมีลักษณะบิดม้วนงอ และรวงลีบ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลวางไข่ที่บริเวณเส้นกลางใบหรือกลางกาบใบ ไข่จะวางเป็นกลุ่มเรียงกันเป็นแถวในลักษณะเป็นแนวตั้งฉากกับกาบใบ การวางไข่ทำให้กาบใบเป็นรอยช้ำสีน้ำตาล มองเห็นได้ชัด ระยะไข่ใช้เวลา 7 วันจะฟักเป็นตัวอ่อนและผ่านการลอกคราบ 5 ครั้ง เป็นเวลา 16 วันก็จะเป็นตัวเต็มวัย ตัวเต็มวัยเพศเมียมีชีวิตอยู่ได้ 15 วันเพศผู้ 13 วัน ตัวเมียวางไข่เฉลี่ย 48 ฟองต่อตัว การเพิ่มปริมาณของแมลงในนาข้าวจะมีปริมาณสูงสุดในชั่วอายุขัย (generation) ที่ 2-3 ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสมปริมาณจะเพิ่มขึ้นตามอายุข้าวจากระยะกล้าถึงระยะออกรวง ระยะตั้งท้องและออกรวงมักเป็นระยะที่พบประชากรแมลงสูงที่สุด และอาการใบไหม้มักจะพบในระยะนี้ การแพร่ระบาด พบระบาดทั่วไปในแถบที่มีการปลูกข้าวในประเทศไทยพบทั่วประเทศ พบทำความเสียหายพบมากในภาคกลาง โดยการระบาดอาจเกิดขึ้นได้ทั้งนาปีและนาปรังพืชอาหาร ข้าว ข้าวป่า หญ้าต่าง ๆ การป้องกันกำจัดไม่ควรปลูกข้าวหลายๆรุ่นติดต่อกันในแปลงนา ควรพักนาให้ว่างเปล่าเป็นระยะเวลาพอสมควรเพื่อตัดชีพจักรของแมลง หรืออาจปลูกพืชอื่นสลับกับข้าวแทนที่จะทำนาตลอดปีในระยะต้นฤดูอาจใช้กับดักแสงไฟ ดักแมลงแล้วจับแมลงที่มาเล่นไฟทำลายทิ้งเสียวิธีนี้ควรทำโดยความร่วมมือจากชาวนาในละแวกใกล้เคียงทำโดยพร้อมเพรียงกันหมั่นตรวจดูนาเสมอ ถ้าพบแมลงระบาดในระยะกล้าและเคยเป็นพื้นที่มีโรคใบหงิกระบาดมาก่อน ควรพ่นสารกำจัดแมลงทันที ควรกำจัดแมลงตามความมากน้อยของแมลงที่เกิด โดยปกติควรพ่นสารกำจัดแมลงเมื่อพบแมลงเฉลี่ย 1 ตัวต่อต้น หรือ 5 – 10 ตัวต่อกอ ในระยะ 50 วันหลังจากปักดำ หลังจากนี้แล้วควรพ่นเมื่อมีแมลงประมาณ 10-20 ตัวต่อกองดการใช้ปุ๋ยยูเรีย เมื่อแมลงระบาดไม่หว่านข้าวแน่นเกินไป ใช้เมล็ดพันธุ์ในอัตราที่แนะนำ คือ 10-15 กิโลกรัม/ไร่ ไม่ขังน้ำในแปลงนาตลอดเวลา ควรปล่อยให้มีระดับน้ำพอทำให้ดินเปียกชื้น เพื่อให้สภาพนิเวศในแปลงนาไม่เหมาะสมต่อการขยายประชากรของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และยังทำให้มดสามารถขึ้นมากัดกินตัวอ่อนของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้อีกทางหนึ่งในระยะก่อนข้าวตั้งท้อง เมื่อตรวจพบตัวอ่อนของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล วัยที่ 1-2 จำนวนมากกว่า 1 ตัวต่อต้น ให้ใช้สารป้องกันกำจัดแมลง เช่น บูโพรเฟซิล หรืออีโทเฟนพรอกช์ หรือไอโซโปรคาร์บในระยะข้าวตั้งท้องถึงออกรวงเมื่อตรวจพบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล 10 ตัวต่อกอ หรือ 1 ตัวต่อต้น และไม่พบมวนเขียวดูดไข่หรือพบน้อยมาก ให้ใช้สารป้องกันกำจัดแมลง เช่น ไดโนทีฟูเรน หรือไพมิโทรซีน โดยใช้อัตราตามคำแนะนำที่ระบุในฉลาก อ้างอิงข้อมูล https://www.ryt9.com/s/prg/3042302 เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง โรคถอดฝักดาบในข้าวโรคถอดฝักดาบหรือโรคหลาว ปัจจุบันพบว่าเป็นโรคที่เป็นปัญหาและทำความเสียหายกับการปล… จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า "ตั๊กแตน" บุกไทยตั๊กแตนปาทังก้า และ ตั๊กแตนทะเลทราย ภัยร้ายที่ต้องเฝ้าระวังของเกษตรกรไทย โรคขอบใบแห้ง โรคขอบใบแห้งข้าว ผศ.ดร.อุดมศักดิ์ เลิศสุชาตวนิช ภาควิชาโรคพืช… หญ้าในนาไม่มีหลุด เก็บด้วยเลกาซี่ 20 + พานาสสภาพอากาศในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เดี๋ยวก็แดดจัด เดี๋ยวก็ฝนตก ไม่รู้ว่าจะ…