2674 จำนวนผู้เข้าชม
“โรคหัวและรากเน่าในกระเทียม” เป็นโรคที่มองข้ามไม่ได้เลย เพราะถ้าเกิดขึ้นมาแล้วสร้างความเสียหายให้กับผลผลิตเป็นอย่างมาก
วันนี้ ไอ ซี พี ลัดดา นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับโรคโรคหัวและรากเน่าในกระเทียมมาฝากกันครับ
ขณะนี้เป็นช่วงปลายฤดูฝนเข้าสู่ต้นฤดูหนาว จึงขอเตือนเกษตรกรที่ปลูกกระเทียมควรระวังโรคหัวและราก เน่าในช่วงที่มีความชื้นสูงและอุณหภูมิค่อนข้างสูง มักจะเกิดมากในช่วงนี้ โดยมีสาเหตุมาจากเชื้อรา Sclerotium rolfsii ที่ติดไปกับดิน สิ่งเคลื่อนไหวต่างๆ แล้วยังติดไปกับหัวกระเทียมก่อให้เกิดโรค
ลักษณะอาการของโรค ใบแก่ของกระเทียมจะเหลืองเหี่ยวแห้งและหักพับลงจากปลาย เมื่อดึงต้นขึ้นมาก็จะหลุดจากดินได้ง่ายเพราะส่วนรากถูกทำลายหมด กาบหัวกระเทียมช้ำน้ำเนื้อเยื้อนิ่มเน่าและเปื่อยยุ่ย จะพบเส้นใยสีขาวฟู ในระยะต่อมาจะพบเม็ดสเคลอโรเตียม (คล้ายเม็ดผักกาด)ขนาดเล็กสีขาวปนน้ำตาลขึ้นอยู่ตามราก และโคนต้นที่เน่านั้น (ในระยะนี้จะคล้ายกับโรคโคนต้นเน่า ) และยังพบเจริญแทรกอยู่ตามดินบริเวณใกล้เคียงด้วย เมื่อเข้าระยะที่สร้างเม็ดสเคลอโรเตียม จะมีสีเข้มขึ้น เชื้อจะเข้าทำลายต้นกระเทียมจนกระทั่งหัวเหี่ยวหดย่นและเน่าตาย โรคนี้พบเกิดกับหัวกระเทียม ขณะเก็บรักษาและรอการขนส่งด้วย
ป้องกันและแก้ไขมีดังนี้
1. หลีกเลี่ยงการปลูกพืชในพื้นที่ที่เคยมีการระบาดของโรคนี้
2. ควรเลือกแปลงปลูกที่ดินไม่เป็นกรดจัด หรือปรับสภาพดินไม่ให้เป็นกรดจัด โดยใส่ปูนขาว หรือ โดโลไมท์ อัตรา 300–400 กิโลกรัมต่อไร่ (หรือตามค่าวิเคราะห์ดิน) แล้วใส่ปุ๋ยอินทรีย์อย่างน้อย 1–2 ตันต่อไร่ และแปลงปลูกควรมีการระบายน้ำที่ดี
3. ใช้หัวหรือเมล็ดพันธุ์จากแหล่งปลูกที่ไม่เคยมีโรคนี้ระบาดมาก่อนและไม่มีร่องรอยการติดเชื้อ
4. หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตควรกำจัดเศษซากพืชและวัชพืชในแปลงให้หมดเพื่อป้องกันการสะสมเชื้อโรค
5. ในช่วงที่เว้นว่างจากการปลูกพืชควรไถพลิกดินขึ้นมาตากแดดนานๆเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจตกค้ างในดิน
6. แปลงที่มีการระบาดของโรคควรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน
หมั่นตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากพบต้นเป็นโรคให้ถอนต้นและขุดเอาดินที่พบเชื้อรานำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกแล้วใช้ “ไบออนแบค” ซองละ 100กรัม
อัตราการใช้
“นาข้าว : 1 ซอง ต่อ 1 ไร่ ฉีด 2 ครั้ง
ผัก : 1 ซอง ต่อ 1 ไร่ ฉีดบ่อยครั้งตามต้องการ”
สนใจสินค้าสามารถสั่งซื้อออนไลน์ ได้ที่: https://lin.ee/Bs9m4Mv