ประกาศความเป็นส่วนตัว (สำหรับลูกค้า) บริษัท ไอ ซี พี ลัดดา จำกัด เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) บริษัท ไอ ซี พี ลัดดา จำกัด (“บริษัท”) จึงจัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ (“ประกาศ”) เพื่ออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยประกาศฉบับนี้จะครอบคลุมถึงท่านซึ่งเป็น ลูกค้าของบริษัท และผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าของบริษัทรวมถึงกรรมการ ผู้ถือหุ้น พนักงาน ตัวแทนหรือบุคคลอื่นใดที่กระทำการแทนหรือในนามลูกค้าของบริษัท นิยาม “ข้อมูลส่วนบุคคล” | หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ | “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” | หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งอาจก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด | “ฐานทางกฎหมาย” | หมายถึง เหตุที่กฎหมายรองรับให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลได้ ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | “ลูกค้า” | หมายถึง บุคคลที่ซื้อหรืออาจจะซื้อสินค้าและ/หรือใช้บริการของบริษัท เช่น เกษตรกร หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น ผู้ที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลหรือขอรับบริการจากบริษัท เป็นต้น | “ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า” | หมายถึง บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของลูกค้า เช่น ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น พนักงาน ตัวแทนหรือบุคคลธรรมดาอื่นใดที่กระทำการแทนหรือในนามลูกค้าของบริษัท |
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน ทั้งนี้ ตามความจำเป็นเพื่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ของบริษัทที่แจ้งในประกาศฉบับนี้ ข้อมูลระบุตัวตน | ได้แก่ คำนำหน้า ชื่อ ชื่อสกุล รูปถ่าย หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ เป็นต้น | ข้อมูลทางการเงิน | ได้แก่ เลขที่บัญชีธนาคาร, Bank Statement | ข้อมูลการติดต่อ | ได้แก่ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัว อีเมลส่วนตัว เครือข่ายออนไลน์ และข้อมูลบุคคลที่สามารถติดต่อได้ เป็นต้น | ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน | ได้แก่ ตำแหน่งงาน แผนกที่สังกัด สถานที่ทำงาน อีเมลของสำนักงานซึ่งระบุชื่อของท่าน เป็นต้น | ข้อมูลตามเอกสารแนบ | ได้แก่ นามบัตร สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัญชีธนาคาร สำเนาหนังสือเดินทาง ใบสั่งซื้อ ใบเสนอราคา หนังสือรับรอง ใบทะเบียนพาณิชย์ ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ใบอนุญาตขายปุ๋ย ใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย และเอกสารอื่น ๆ เป็นต้น | ข้อมูลอื่น ๆ | ได้แก่ ภาพกิจกรรมบริษัท บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) วันและเวลาการเข้าติดต่อบริษัท ข้อมูลแสดงความเห็นหรือความสนใจต่อสินค้าหรือบริการ พฤติกรรมการซื้อสินค้า ความพึงพอใจต่อสินค้าหรือบริการ เป็นต้น | ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว | ได้แก่ ศาสนา ซึ่งปรากฏบนสำเนาบัตรประชาชน ข้อมูลสุขภาพ เป็นต้น |
แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งที่มาทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมดังต่อไปนี้ จากตัวท่านเองโดยตรง | โดยผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่งดังต่อไปนี้ · ผ่านทางวาจา ได้แก่ กรณีการพูดคุยต่อหน้า หรือทางโทรศัพท์ เป็นต้น · ผ่านทางเอกสาร ได้แก่ นามบัตร ใบข้อมูลลูกค้า แบบฟอร์มลงทะเบียน เอกสารสัญญา เอกสารข้อตกลง หนังสือรับรองบริษัท ใบเสนอราคา ใบสั่งซื้อ แบบฟอร์ม หรือเอกสารอื่น ๆ เป็นต้น · ผ่านทางช่องทางการติดต่ออื่น ได้แก่ อีเมล โทรสาร เครือข่ายออนไลน์ เป็นต้น | จากแหล่งอื่น ๆ หรือบุคคลที่สาม | · จากแหล่งอื่นหรือจากบุคคลที่สาม ได้แก่ นิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นนายจ้างหรือผู้ว่าจ้างของท่าน ผู้จำหน่ายสินค้า/ผู้ให้บริการ หรือคู่ค้าทางธุรกิจของบริษัท เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลธุรกิจ หรือเครื่องมือค้นหาข้อมูลสำหรับการติดต่อธุรกิจ ธนาคาร หน่วยงานของรัฐ เป็นต้น · จากแหล่งการติดต่อสื่อสาร สอบถามข้อมูล ให้ความเห็น หรือคำติชมแก่บริษัทของท่าน รวมไปถึงจากการแสดงเจตนาเพื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากบริษัทของท่าน การเข้าทำสัญญากับบริษัท หรือการส่งมอบเอกสารต่าง ๆ เป็นต้น |
วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อนำไปใช้และ/หรือเปิดเผยภายใต้วัตถุประสงค์และโดยอาศัยฐานทางกฎหมายตามที่ปรากฏในประกาศฉบับนี้เท่านั้น หากบริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่นนอกเหนือจากที่ปรากฏในประกาศนี้ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ/หรือแจ้งให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ใหม่ในการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวอีกครั้ง รวมถึงบริษัทจะขอความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใหม่ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทต้องได้รับความยินยอม ภายใต้หลักเกณฑ์ของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม | ฐานทางกฎหมาย | 1. การติดต่อสื่อสารและดำเนินการต่าง ๆ เพื่อเจรจาก่อนการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือบุคคลหรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทนหรือกระทำการในนามหรือเป็นลูกจ้าง เช่น การนัดประชุม การทำใบเสนอราคา การเจรจาเพื่อเข้าทำสัญญาและการตกลงขอบเขตของข้อสัญญา | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป – เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาหรือเข้าทำสัญญา (กรณีที่ท่านเป็นผู้เข้าทำสัญญาโดยตรง) – เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และลูกค้า (กรณีที่ท่านกระทำการแทนหรือในนามของลูกค้า) | 2. การเข้าทำสัญญาและการปฏิบัติตามสัญญา เช่น การติดต่อสื่อสารงาน การดำเนินการตามคำสั่งซื้อสินค้า/บริการ การให้บริการตามสัญญา การจัดส่งสินค้า การติดตามผลของการให้บริการ เป็นต้น รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ให้บริการขนส่งสินค้า ผู้รับเหมา ผู้ให้บริการหรือผู้เชี่ยวชาญภายนอกเพื่อการดำเนินการให้บริการตามสัญญาหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแก่สินค้าและบริการ รวมถึงการดำเนินการแก้ปัญหาอันเกี่ยวกับกระบวนการการผลิตสินค้า. ทั้งนี้ วัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและเปิดเผยจะขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าและบริการที่ลูกค้าได้รับจากบริษัท การเข้าทำสัญญาและการปฏิบัติตามสัญญาในข้อนี้ให้รวมถึงการติดต่อประสานงานกับท่านในเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับสัญญาด้วย เช่น การขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและรายละเอียดอื่น ๆ ในสัญญา การต่ออายุสัญญา | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป – เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา (กรณีที่ท่านเป็นคู่สัญญาโดยตรง) – เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และลูกค้า (กรณีที่ท่านกระทำการแทนหรือในนามของลูกค้า) ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว – ขอความยินยอมโดยชัดแจ้ง | 3. การดำเนินการเกี่ยวกับการบริการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การรับเรื่องร้องเรียน การประเมินผล การสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าเพื่อพัฒนาและตรวจสอบการให้บริการของบริษัท เป็นต้น | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป – เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท | 4. การเรียกเก็บค่าสินค้าหรือบริการ การออกใบเสร็จรับเงิน การดำเนินการใด ๆ เพื่อติดตามทวงหนี้ กรณีที่ลูกค้าของบริษัท ผิดนัดไม่ชำระค่าสินค้าหรือบริการ | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป – เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา (กรณีที่ท่านเป็นคู่สัญญาโดยตรง) – เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และลูกค้า (กรณีที่ท่านกระทำการแทนหรือในนามของลูกค้า) ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว – ขอความยินยอมโดยชัดแจ้ง | 5. การจัดการเกี่ยวกับองค์กรและการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น การจัดการด้านระบบและฐานข้อมูล การขออนุญาตประกอบกิจการกับหน่วยงานรัฐ การสอบบัญชี การตรวจสอบภายใน การขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษาทางธุรกิจ การเปิดเผยข้อมูลของท่านแก่สถาบันการเงินเพื่อการขอสินเชื่อของบริษัท การซื้อขายกิจการ การควบรวมกิจการ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป – เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายบริษัท – เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับกับบริษัท | 6. การปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับกับบริษัท เช่น การออกใบกำกับภาษี การจัดเก็บและเปิดเผยข้อมูลทางบัญชีให้แก่ผู้ตรวจสอบบัญชี และหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายและคำสั่งของผู้มีอำนาจ | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป – เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท – เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับกับบริษัท | 7. การเก็บข้อมูลการติดต่อสื่อสารของท่านต่อไปบนฐานข้อมูลบริษัทเพื่อการติดต่อทางธุรกิจในอนาคต รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บริษัทในเครือ เพื่อการติดต่อและสานสัมพันธ์เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจในอนาคต | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป – เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท | 8. การรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณบริษัท เช่น การสอดส่องดูแลบริเวณภายในบริษัทด้วยกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เป็นต้น | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป – เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท | 9. การวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อสินค้าหรือบริการ และสำรวจความพึงพอใจต่อการให้บริการเพื่อออกแบบกิจกรรมส่งเสริมการขายหรือปรับปรุงการให้บริการ | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป – ขอความยินยอม ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว – ขอความยินยอมโดยชัดแจ้ง | 10. การตรวจสอบข้อเท็จจริงและบันทึกข้อมูลด้านสุขภาพของท่าน เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลอุณหภูมิร่างกายของท่าน เป็นต้น เพื่อใช้เป็นวิธีป้องกันเชื้อโรคหรือโรคติดต่อซึ่งอาจส่งผลต่อการแพร่กระจายเชื้อในวงกว้าง รวมไปถึงในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลที่เข้ามาภายในบริษัท ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการเปิดเผยข้อมูลไปยังองค์กรภายนอกเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว เช่น เปิดเผยแก่กรมควบคุมโรค สถาบันการแพทย์และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป – เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท – เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับกับบริษัท – เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และสุขภาพของบุคคล ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว – เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านกรณีที่ท่านไม่สามารถให้ความยินยอมได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม – เพื่อความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายกำหนด (เช่น กฎหมายเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะด้านสาธารณสุข) – ขอความยินยอมโดยชัดแจ้ง (กรณีไม่มีกฎหมายกำหนดให้บริษัทสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม) | 11. การปกป้องสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือโต้แย้งข้อกล่าวหาที่มีต่อบริษัท เช่น การดำเนินคดีตามกฎหมาย การริเริ่มคดี การต่อสู้คดี การระงับข้อพิพาทนอกศาล และการดำเนินการอื่น ๆ เพื่อปกป้องสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือโต้แย้งข้อกล่าวหาที่มีต่อบริษัทตามที่มีกฎหมายอนุญาต | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป – เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว – เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย |
ผลกระทบจากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อติดต่อสื่อสารในการเข้าทำสัญญาหรือดำเนินการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามสัญญาที่มีกับท่านหรือบุคคลหรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทนหรือกระทำการในนามหรือเป็นลูกจ้าง รวมถึงเพื่อปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งในกรณีที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท ท่านหรือบุคคลหรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทนหรือกระทำการในนามหรือเป็นลูกจ้างอาจไม่ได้รับความสะดวกในการติดต่อสื่อสารเพื่อทำสัญญาหรือปฏิบัติตามสัญญาได้ ในบางกรณีอาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถเข้าผูกพันหรือปฏิบัติตามสัญญากับท่านหรือบุคคลหรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทนหรือกระทำการในนามหรือเป็นลูกจ้างได้ นอกจากนี้อาจทำให้ท่านหรือบุคคลหรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทนหรือกระทำการในนามหรือเป็นลูกจ้างอยู่ในฐานะที่ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับได้ในบางกรณี การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุไว้ในประกาศฉบับนี้ ในบางกรณี บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บุคคลหรือองค์กรใด ๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงบุคคลหรือองค์กรดังต่อไปนี้ — บุคคลหรือหน่วยงานต่าง ๆ ภายในบริษัทฯ ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงผู้บริหาร หัวหน้างาน พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในของบริษัทดังกล่าวเท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน — ผู้ให้บริการและตัวแทนที่บริษัทว่าจ้าง เช่น ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจประเมินระบบ ที่ปรึกษากฎหมาย ที่ปรึกษาทางธุรกิจ หรือที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญอื่นภายนอกบริษัท ผู้ให้บริการขนส่ง ผู้รับเหมาช่วง เป็นต้น — บริษัทอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่มในเครือ คู่ค้าทางธุรกิจ และผู้ให้บริการภายนอกและตัวแทนที่บริษัทดังกล่าวว่าจ้าง — หน่วยงานของรัฐ เช่น กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นต้น — ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย — พนักงานตำรวจ ศาล อนุญาโตตุลาการ ทนายความ บุคคลหรือหน่วยงานใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาคดีและการระงับข้อพิพาท — บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายกิจการ การควบรวมกิจการ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร ในบางกรณี บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศให้แก่บริษัทในกลุ่มในเครืออื่นใดที่อยู่ในต่างประเทศเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุข้างต้นด้วย โดยบริษัทจะตรวจสอบให้มั่นใจว่าประเทศปลายทางมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอและเป็นไปตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ขณะนั้นกำหนด หากบริษัทจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังประเทศที่มีมาตรฐานคุ้มครองส่วนบุคคลที่ยังไม่ได้รับการรองรับตามกฎหมายหรือกรณียังไม่มีกฎหมายกำหนดรับรองเรื่องมาตรฐานดังกล่าว บริษัทจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อให้การส่งหรือโอนดังกล่าวเป็นไปโดยชอบ ซึ่งอาจรวมถึงการขอความยินยอมจากท่านในกรณีที่จำเป็น หรือการจัดการให้มีมาตรการต่าง ๆ ที่เหมาะสมเพื่อให้ท่านยังคงสามารถบังคับตามสิทธิของท่านได้ รวมทั้งจัดให้มีมาตรการเยียวยาทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพตามที่กฎหมายกำหนด ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างท่านหรือบุคคลที่ท่านกระทำการแทนกับบริษัท สิ้นสุดลง ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแต่ไม่ได้เข้าผูกนิติสัมพันธ์กับท่านหรือบุคคลที่ท่านกระทำการแทน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวทั้งหมดหรือบางส่วนอาจถูกเก็บรักษาเกินกว่าระยะเวลาที่ระบุไว้ข้างต้นสำหรับการนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับ และการปกป้องสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือโต้แย้งข้อกล่าวหาที่มีต่อบริษัท โดยในกรณีดังกล่าวข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกเก็บรักษาตลอดระยะเวลาที่มีความจำเป็นต่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว และหรือภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด สิทธิของท่านในการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามกฎหมายในการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้ ดังนี้ 1. สิทธิเพิกถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมให้เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ทั้งหมดหรือบางส่วนได้ตลอดระยะเวลาที่บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไว้ โดยการเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อความถูกต้องสมบูรณ์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้กระทำก่อนที่จะมีการเพิกถอนความยินยอมนั้น 2. สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทให้แก่ท่านได้ 3. สิทธิร้องขอให้โอนหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลอื่นหรือตัวท่านเองได้ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมาย 4. สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทได้ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมาย 5. สิทธิร้องขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ตามเงื่อนไขของกฎหมาย 6. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามเงื่อนไขของกฎหมาย 7. สิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือ เพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ได้ 8. สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัทหรือพนักงานหรือผู้รับจ้างของบริษัท ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ท่านสามารถแจ้งการใช้สิทธิดังกล่าวแก่บริษัทได้โดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรตามข้อมูลการติดต่อของบริษัทซึ่งอยู่ด้านล่างนี้ ในกรณีที่บริษัทไม่อาจทำตามคำขอของท่านได้ บริษัทจะอธิบายเหตุผลของการปฏิเสธไปพร้อมกับคำตอบสนองดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ตามสมควร โดยประกาศฉบับนี้ได้รับการแก้ไขปรับปรุงครั้งล่าสุดในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ข้อมูลและช่องทางการติดต่อของบริษัท บริษัท ไอ ซี พี ลัดดา จำกัด ที่อยู่: 42 อาคาร ไอ ซี พี ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 บุคคลติดต่อ : นายวุฒินันท์ จันทร์อ่อน เบอร์โทรศัพท์ : 09-3629-3564 อีเมล์: wuttinun.j@icpladda.com |
|